Wednesday, April 11, 2007

คิดถึงเพื่อนๆจังเลย...........

Wednesday, January 03, 2007

สุดยอด...! เรื่องของนิ้ว

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระเจ้าได้ทรงเรียกนิ้วทุกนิ้วมาเข้าประชุมเพื่อจัดตำแหน่งของนิ้วต่าง ๆ นิ้วแรกมีนิสัยเกเร และชอบกลั่นแกล้งนิ้วอื่นที่อ่อนแอกว่า จึงไม่มีใครชอบและอยากคบด้วย พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วโป้ง" พระองค์ทรงจัดให้นิ้วโป้งอยู่ไกลจากนิ้วอื่น ๆ มากที่สุด และทรงเสกให้นิ้วโป้งเป็นนิ้วที่สั้นที่สุดเพื่อไม่ให้รังแกผู้อื่นได้อีกต่อไป นิ้วต่อไป มีนิสัยถือตนว่าตัวเองมีอำนาจ ชอบใช้อำนาจสั่งโน่นสั่งนี่ พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วชี้" และทรงวางนิ้วชี้ไว้อยู่ข้าง ๆ นิ้วโป้ง เพื่อนิ้วโป้งจะได้เกรงกลัวจนไม่กล้าเกเรหรือกลั่นแกล้งใครอีก นิ้วต่อไปมีนิสัยรักความยุติธรรม มีความกล้าหาญและรักความถูกต้อง พระเจ้าจึงทรงเสกให้นิ้วนี้เป็นนิ้วที่ยาวที่สุดเพื่อที่จะคอยดูแลนิ้วอื่น ๆ ได้ และได้วางไว้ข้าง ๆ นิ้วชี้ เพื่อคอยเตือนสตินิ้วชี้ให้รู้จักใช้อำนาจที่มีอย่างยุติธรรม และด้วยนิสัยรักความยุติธรรมนี่เอง พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วกลาง"นิ้วต่อไป เป็นนิ้วแห่งความรักและคำสัญญา มีนิสัยอ่อนโยน ซื่อสัตย์และมั่นคงในความรักด้วยนิสัยคล้ายผู้หญิงนี่เอง พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วนาง" และจัดวางนิ้วนางให้อยู่ข้าง ๆ นิ้วกลาง เพื่อนิ้วกลางจะได้คอยดูแลนิ้วนางที่อ่อนโยนได้ นิ้วสุดท้าย "นิ้วก้อย" นิ้วก้อยเป็นนิ้วแห่งมิตรภาพ เพราะฉะนั้นนิ้วนี้เป็นนิ้วที่เล็กที่สุด ฉะนั้น จึงมักโดนนิ้วโป้งจอมเกเรแกล้งอยู่เป็นประจำ พระเจ้าจึงทรงจับนิ้วก้อยไปวางไว้ข้าง ๆ นิ้วนาง ซึ่งไกลจากนิ้วโป้งมากที่สุด บางทีพระเจ้าก็บอกอะไรเราจากนิ้วของเราเอง พระองค์เสกนิ้วโป้งให้สั้น ๆ ดูน่าเกลียดเพื่อจะเตือนเราว่า ถ้าเราเป็นคนเกเร นิสัยไม่ดี ถึงแม้ว่าเราจะดูดีอย่างไร เราก็จะเป็นคนน่าเกลียดในสายตาคนอื่น ไม่มีใครอยากจะสมาคมด้วย พระองค์จับนิ้วชี้ไว้ข้าง ๆ นิ้วโป้งเหมือนจะเตือนเราว่า บางทีคนที่เกเรมาก ๆ ก็อาจต้องให้คนที่มีอำนาจเหนือเขาหรือคนที่เขาเคารพเชื่อฟังดูแลเข้า จึงจะทำให้เขาหยุดนิสัยเสียนั้นได้ พระองค์ทรงจัดนิ้วชี้ไว้ข้างนิ้วกลาง เพื่อเตือนเราเอีกว่า ถ้าเรามีอำนาจอยู่ในมือ เราก็ต้องใช้มันอย่างถูกต้องและยุติธรรม พระองค์ทรงสร้างนิ้วก้อยและนิ้วนางไว้อยู่ข้างกัน เพื่อบอกเราว่า... มิตรภาพที่ดีนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก และไม่มีความรักแท้จริงใด ๆ ในโลกที่ปราศจากมิตรภาพและการให้อภัยเช่นกัน ... กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระเจ้าได้ทรงเรียกนิ้วทุกนิ้วมาเข้าประชุมเพื่อจัดตำแหน่งของนิ้วต่าง ๆ นิ้วแรกมีนิสัยเกเร และชอบกลั่นแกล้งนิ้วอื่นที่อ่อนแอกว่า จึงไม่มีใครชอบและอยากคบด้วย พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วโป้ง" พระองค์ทรงจัดให้นิ้วโป้งอยู่ไกลจากนิ้วอื่น ๆ มากที่สุด และทรงเสกให้นิ้วโป้งเป็นนิ้วที่สั้นที่สุดเพื่อไม่ให้รังแกผู้อื่นได้อีกต่อไป นิ้วต่อไป มีนิสัยถือตนว่าตัวเองมีอำนาจ ชอบใช้อำนาจสั่งโน่นสั่งนี่ พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วชี้" และทรงวางนิ้วชี้ไว้อยู่ข้าง ๆ นิ้วโป้ง เพื่อนิ้วโป้งจะได้เกรงกลัวจนไม่กล้าเกเรหรือกลั่นแกล้งใครอีก นิ้วต่อไปมีนิสัยรักความยุติธรรม มีความกล้าหาญและรักความถูกต้อง พระเจ้าจึงทรงเสกให้นิ้วนี้เป็นนิ้วที่ยาวที่สุดเพื่อที่จะคอยดูแลนิ้วอื่น ๆ ได้ และได้วางไว้ข้าง ๆ นิ้วชี้ เพื่อคอยเตือนสตินิ้วชี้ให้รู้จักใช้อำนาจที่มีอย่างยุติธรรม และด้วยนิสัยรักความยุติธรรมนี่เอง พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วกลาง" นิ้วต่อไป เป็นนิ้วแห่งความรักและคำสัญญา มีนิสัยอ่อนโยน ซื่อสัตย์และมั่นคงในความรักด้วยนิสัยคล้ายผู้หญิงนี่เอง พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วนาง" และจัดวางนิ้วนางให้อยู่ข้าง ๆ นิ้วกลาง เพื่อนิ้วกลางจะได้คอยดูแลนิ้วนางที่อ่อนโยนได้ นิ้วสุดท้าย "นิ้วก้อย" นิ้วก้อยเป็นนิ้วแห่งมิตรภาพ เพราะฉะนั้นนิ้วนี้เป็นนิ้วที่เล็กที่สุด ฉะนั้น จึงมักโดนนิ้วโป้งจอมเกเรแกล้งอยู่เป็นประจำ พระเจ้าจึงทรงจับนิ้วก้อยไปวางไว้ข้าง ๆ นิ้วนาง ซึ่งไกลจากนิ้วโป้งมากที่สุด บางทีพระเจ้าก็บอกอะไรเราจากนิ้วของเราเอง พระองค์เสกนิ้วโป้งให้สั้น ๆ ดูน่าเกลียดเพื่อจะเตือนเราว่า ถ้าเราเป็นคนเกเร นิสัยไม่ดี ถึงแม้ว่าเราจะดูดีอย่างไร เราก็จะเป็นคนน่าเกลียดในสายตาคนอื่น ไม่มีใครอยากจะสมาคมด้วย พระองค์จับนิ้วชี้ไว้ข้าง ๆ นิ้วโป้งเหมือนจะเตือนเราว่า บางทีคนที่เกเรมาก ๆ ก็อาจต้องให้คนที่มีอำนาจเหนือเขาหรือคนที่เขาเคารพเชื่อฟังดูแลเข้า จึงจะทำให้เขาหยุดนิสัยเสียนั้นได้ พระองค์ทรงจัดนิ้วชี้ไว้ข้างนิ้วกลาง เพื่อเตือนเราเอีกว่า ถ้าเรามีอำนาจอยู่ในมือ เราก็ต้องใช้มันอย่างถูกต้องและยุติธรรม พระองค์ทรงสร้างนิ้วก้อยและนิ้วนางไว้อยู่ข้างกัน เพื่อบอกเราว่า... มิตรภาพที่ดีนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก และไม่มีความรักแท้จริงใด ๆ ในโลกที่ปราศจากมิตรภาพและการให้อภัยเช่นกัน ...

Wednesday, November 15, 2006

+-+...House Vocabulary...+-+

...Rooms and Areas of a House...
bathroom บาธรูม
ห้องนํ้า
bedroom เบดรูม
ห้องนอน
den เดน
ห้องพักผ่อนเพื่อดูทีวี หรืออี่นๆ
downstairs ดาวน์สแทร์ซ
ชั้นล่าง
hall ฮอลล์
ห้อโถง
kitchen คิทเชน
ห้องครัว
living room ลิฟวิ่งรูม
ห้องนั่งเล่น
master bedroom มาสเทอะ เบดรูม
ห้องนอนใหญ่สำหรับพ่อแม่
upstairs อัพสแทร์ซ
ชั้นบน

...Things in a House...
bath บาธ
อ่างอาบนํ้า
bed เบด
เตียงนอน
bedside table เบด ไซดฺ เทเบิล
โต๊ะที่วางข้างเตียง
brush บรัช
แปรงผม
carpet คาร์ พิท
พรม
chair แชร์
เก้าอี้
chest of drawers เชลส์ ออฟดรอเออะส
ตู้ลิ้นชัก
closet โคลซ ซิท
ตู้ฝาผนัง
comb โคมบฺ
หวี
duvet ดูเว่ท
ผ้านวม
lamp แลมพฺ
ตะเกียง
mirror มีเรอะ
กระจก
pictures พิกเชอะส
รูปภาพ
pillow พิลโล
หมอน
rug รัก
พรมเช็คเท้า
sheet ชีท
ผ้าปูที่นอน
shower เชาเออะ
ฝักบัว
sofa โซฟา
เก้าอี้นวม
sponge สพันจฺ
ฟองนํ้า
stairs สแทร์
บันได
table เทเบิล
โต๊ะ
tap แท็พ
ก๊อกนํ้า
telephone เทเลโพน
โทรศัพท์
toilet ทอย ลิท
ส้วม
toilet paper ทอย ลิท เพเพอะ
กระดาษชำระ
toothbrush ทูธบรัช
แปรงสีฟัน
toothpaste ทูธเพสท
ยาสีฟัน
cushion คูชั่น
หมอนอิง
towel เทา เอิล
ผ้าขนหนู
wardrobe วอร์ โดรบ
ตู้เสื้อผ้า
washbasin วอซ เบซิน
อ้างล้างหน้า

...Outside a House...
antenna แอนเทน นะ
สายอากาศ
back door แบคดอร์
ประตูหลังบ้าน
chimney ซิม นี
ปล่องไฟ
curb เครร์บ
ขอบถนน
driveway ไดรฟว เว
ถนนจากตัวบ้านเชื่อมเข้าหาถนนใหญ่
front door ฟรันทฺดอร์
ประตูหน้าบ้าน
front yard; lawn ฟรันทฺ ยาร์ด ลอน
สนามหญ้าหน้าบ้าน
garage กะราจ
โรงรถ
mailbox เมลบอคซฺ
ตู้รับจดหมาย
porch พอร์ช
ระเบียงประตู
roof รูฟ
หลังคา
screen สกรีน
มุ้งลวด
screen door สกรีน ดอร์
ประตูมุ้งลวด
shingles ชิง เกิล
กระเบื้อง
shutter ชัท เทอะ
หน้าต่างบานเกล็ด
sidewalk ไซดฺ วอค
บาทวิถี
skylight สไค ไลท
ช่องกระจกบนเพดานสำหรับให้แสงลอดผ่านได้

Friday, October 27, 2006

ชื่ออาหารไทยเป็นภาษาอังกฤษ

...ประเภทต้ม...
mild soup with vegetables and pork
แกงจืด
mild soup with vegetables, pork and bean curd
แกงจืดเต้าหู้
soup with chicken, galanga root and coconut
ต้มข่าไก่
prawn and lemon grass soup with mushrooms
ต้มยำกุ้ง
fish-ball soup
แกงจืดลูกชิ้น
rice soup with fish/chicken/shrimp
ข้าวต้มปลา/ไก่/กุ้ง

...ไข่...
hard-boiled egg
ไข่ต้ม
fried egg
ไข่ดาว
plain omelet
ไข่เจียว
omelet with vegetables
ไข่ยัดไส้
scrambled egg
ไข่กวน

...ก๋วยเตี๋ยว...
wide rice noodle soup with vegetables and meat
ก๋วยเตี๋ยวน้ำ
wide rice noodles with vegetables and meat
ก๋วยเตี๋ยวแห้ง
thin rice noodles fried with tofu, vegetable, egg and peanuts
ผัดไทย
fired thin noodles with soy sauce
ผัดซีอิ้ว
wheat noodles in broth with vegetables and meat
บะหมี่น้ำ
wheat noodles with vegetables and meat
บะหมี่แห้ง

...อาหารจานเดียวประเภทข้าว...
fried rice with pork/chicken/shrimp
ข้าวผัดหมู/ไก่/กุ้ง
boned, sliced Hainan-style chicken with marinated rice
ข้าวมันไก่
chicken with sauce over rice
ข้าวหน้าไก่
roast duck over rice
ข้าวหน้าเป็ด
'red' pork with rice
ข้าวหมูแดง
curry over rice
ข้าวแกง

...ประเภทแกง...
hot Thai curry with chicken/beef/pork
แกงเผ็ดไก่/เนื้อ/หมู
rich and spicy, Muslim-style curry with chicken/beef and potatoes
แกงมัสมันไก่/เนื้อ
mild, Indian-style curry with chicken
แกงกะหรี่ไก่
hot and sour, fish and vegetable ragout
แกงส้ม
'green' curry with fish/chicken/beef
แกงเขียวหวานปลา/ไก่/เนื้อ
savory curry with chicken/beef
แกงพะแนงไก่/เนื้อ
chicken curry with bamboo shoots
แกงไก่หน่อไม้
catfish curry
แกงปลาดุก

...อาหารทะเล...
steamed crap
ปูนึ่ง
steamed crap claws
ก้ามปูนึ่ง
shark-fin soup
หูฉลาม
crisp-fried fish
ปลาทอด
fried prawns
กุ้งทอด
batter-fried prawns
กุ้งชุบแป้งทอด
grilled prawns
กุ้งเผา
steamed fish
ปลานึ่ง
grilled fish
ปลาเผา
whole fish cooked in ginger, onions
ปลาเจี๋ยน
sweet and sour fish
ปลาเปรี้ยวหวาน
cellophane noodles barked with crap
วุ้นเส้นอบปู
spicy fried squid
ปลาหมึกผัดเผ็ด
roast squid
ปลาหมึกย่าง
oysters fried in egg batter
หอยทอด
squid
ปลาหมึก
shrimp
กุ้ง
fish
ปลา
catfish
ปลาดุก
freshwater eel
ปลาไหล
saltwater eel
ปลาหลด
tilapia
ปลานิล
spiny lobster
กุ้งมังกร
green mussel
หอยแมลงภู่
scallop
หอยพัด
oyster
หอยนางรม

...อื่นๆ...
stir-fried mixed vegetables
ผัดผักรวม
spring rolls
เปาะเปี๊ยะ
beef in oyster sauce
เนื้อผัดน้ำมันหอย
duck soup
เป็ดตุ๋น
roast duck
เป็ดย่าง
fried chicken
ไก่ทอด
chicken fried in holy basil
ไก่ผัดใบกะเพรา
grilled chicken
ไก่ย่าง
chicken fried with chilies
ไก่ผัดพริก
chicken fried with cashews
ไก่ผัดเม็ดมะม่วง
morning-glory vine fried in garlic, chili and bean sauce
ผักบุ้งไฟแดง
'satay' or skewers of barbecued meat
สะเต๊ะ
spicy green papaya salad
ส้มตำ
noodles with fish curry
ขนมจีนน้ำยา
prawns fried with chilies
กุ้งผัดพริกเผา
chicken fried with ginger
ไก่ผัดขิง
fried wonton
เกี๊ยวกรอบ
cellophane noodle salad
ยำวุ้นเส้น
spicy chicken or beef salad
ลาบไก่/ลาบเนื้อ
hot and sour, grilled beef salad
ยำเนื้อ
chicken with bean sprouts
ไก่สับถั่วงอก
fried fish cakes with cucumber sauce
ทอดมันปลา

...ผัก...
angle bean
ถั่วภู
bean sprout
ถั่วงอก
bitter melon
มะระจีน
brinjal (round eggplant)
มะเขือเปราะ
cabbage
กะหล่ำปลี
cauliflower
ดอกกะหล่ำ
corn
ข้าวโพด
cucumber
แตงกวา
eggplant
มะเขือม่วง
garlic
กระเทียม
lettuce
ผักกาด
long bean
ถั่วฝักยาว
okra (ladyfingers)
กระเจี๊ยบ
onion (bulb)
หัวหอม
onion (green, scallions)
ต้นหอม
peanuts (ground nuts)
ถั่วลิสง
potato
มันฝรั่ง
pumpkin
ฟักทอง
taro
เผือก
tomato
มะเขือเทศ

...ผลไม้...
banana
กล้วย
coconut
มะพร้าว
custard-apple
น้อยหน่า
durian
ทุเรียน
guava
ฝรั่ง
jackfruit
ขนุน
lime
มะนาว
longan
ลำไย
mandarin orange
ส้ม
mango
มะม่วง
mangosteen
มังคุด
papaya
มะละกอ
pineapple
สับปะรด
pomelo
ส้มโอ
rambeh-small, reddish-brown
มะไฟ
rambutan
เงาะ
rose-apple
ชมพู่
tamarind
มะขาม
sapodilla
ละมุด
watermelon
แตงโม

...ขนมหวาน...
Thai custard
สังขยา
coconut custard
สังขยามะพร้าว
sweet shredded egg yolk
ฝอยทอง
egg custard
หม้อแกง
banana in coconut milk
กล้วยบวชชี
fried, Indian-style banana
กล้วยแขก
sweet palm kernels
ลูกตาลเชื่อม
Thai jelly with coconut cream
ตะโก้
sticky rice with coconut cream
ข้าวเหนียวแดง
sticky rice in coconut cream with ripe mango
ข้าวเหนียวมะม่วง

Monday, October 09, 2006

ศัพท์เกี่ยวกับอาหาร



...Food...
Beef=เนื้อ
Pork= เนื้อหมู
Poultry =สัตว์ปีก
Fish =ปลา
Seafood =อาหารทะเล
Vegetables =ผัก
Fruits =ผลไม้
...Beef...
Chateaubrian= เนื้อสันใน
prime rib =เนื้อวัวที่ติดซี่โครง
minute steak =สเต็กเนื้อสะโพก
sirloin steak =สเต็กเนื้อสันนอก
T-bone steak =สเต็กเนื้อชิ้นหนาที่ตัดจากปลายเนื้อสันนอกติดกระดุกรูปตัวที
veal =เนื้อลูกวัว
...Pork...
bacon =เบคอน
pork chops =หมูบด
ham =แฮม
spareribs =ซี่โครงหมู
...Poultry...
chicken =ไก่
fried chicken =ไก่ทอด
duck =เป็ด
chickburger =เบอร์เกอร์ไก่
goose =ห่าน
chicken wing =ปีกไก่
turkey =ไก่งวง
chicken breast =อกไก่
drumstick =น่อง
steamed chicken =ไก่นึ่ง
whole chicken =ไก่ทั้งตัว
...Fish...
Fresh water= ปลานํ้าจืด
Ocean =ปลานํ้าเค็ม
catfish =ปลาดุก
mackerel =ปลาแมคเคอเริล
perch =ปลานํ้าจืดมีลักษณะคล้ายกับปลาตะเพียน
red snapper =ปลาแดง
salmon =ปลาแซลมอน
sardines =ปลาซาร์ดีน
cod =ปลาคอด
sea bass =ปลากระพง
sole =ปลาโซล
shark fin =หูฉลาม
trout =ปลาเทร้าต์
tuna =ปลาทูน่า
saba =ปลาซาบะ
Seafood clam =หอยกาบ
prawn, shrimp =กุ้งนาง
crab=ปู
mussel =หอยแมลงภู่
dried shrimp =กุ้งแห้ง
squid =ปลาหมึก
lobster =กุ้งมังกร
snail =หอยทาก
oyster =หอยนางรม
...Vegetables...
artichoke =อาร์ติโชกรับประทานหัวและดอก
mushroom =เห็ด
avocado =อาโวคาโด
olive =มะกอก
baby corn =ข้าวโพดอ่อน
onion =หอมหัวใหญ่
bamboo shoots =หน่อไม้
peas =ถั่ว
beans =ถั่ว
potato =มันฝรั่ง
bean sprouts =ถั่วงอก
pumpkin =ฟักทอง
beets =หัวบีต
radish =หัวผักกาดแดง
broccoli =บร็อคโคลี
seaweed =สาหร่ายทะเล
cabbage =กะหลํ่าปลี
shallot =หอมแดง
capsicum, pepper =พริก พริกไทย
spinach =ผักขม
carrot =แครอท
sprouts =กะหลํ่าปลีฝรั่ง
cauliflower =กะหลํ่าดอก
tomato =มะเขือเทศ
celery =ขึ้นฉ่าย
white radish =หัวผักกาดขาว
Chinese cabbage =ผักกาดขาว
zucchini =ซูกินี
cucumber =แตงกวา
eggplant =มะเขือ
gourd =บวบ นั้าเต้า
lettuce =ผักกาดหอม
morning glory =ผักบุ้ง
...Fruits...
apple =แอปเปิล
melon =พืชตระกูลแตงโม
apricot =แอปปริคอต
orange =ส้ม
avocado =อาโวคาโด
papaya =มะละกอ
banana =กล้วย
peach =ลูกพีช
blueberry =บลูเบอรี่
pear =ลูกแพร์
cherry =เชอรี่
pineapple =สับปะรด
coconut =มะพร้าว
plum =ลูกพลัม
custard apple =น้อยหน่า
pomelo =ส้มโอ
date =อินทผลัม
prune =ลูกพรุน
durian =ทุเรียน
raisin =ลูกเกด
grape =องุ่น
rambutan =เงาะ
grapefruit =ผลเกรปฟรุต
rose apple =ชมพุ่
guava =ฝรั่ง
sapodilla =ละมุด
jack fruit =ขนุน
strawberry =สตรอเบอรี
kiwi =กีวี
watermelon =แตงโม
litchi =ลิ้นจี่
longan =ลำไย
mangosteen =มังคุด

Friday, September 29, 2006

Scent of a Woman...


However, since I first watched the film “Scent of a Woman”, I have begun to realize that in this world there might exist a blind person who posseses senses better than other non-blind people.
According to the film, not only smell,but also the senses of taste, hearing and touch are amazingly developped in blind person are much better than sighted people’s.
Scent of a Woman is about Charlie Simms ( Chris O’Donnell ), a Boston senior school student. Charlie has got a school discipline problem and his future is uncertain. He spends the Thanksgiving weekend working as a companion of a retired soldier, an embittered and blind veteran, Lieutenant Colonel Frank Slades ( Al Pacino ). He wants to earn some money to get a plane ticket to Oregon for the approaching Christmas break. Charlie does not know that Frank already has a detailed plan for the long weekend - staying in the expensive Waldorf-Astoria, making love to a gorgeous woman, meeting his big bother and then killing himself. Before Charlie realizes what he has got into, he is accompanying the cantankerous blind man around Manhattan as they begin their "eye-opening"adventures, which includes driving a Ferrari and tangoing with a beautiful woman, Donna ( Gabrielle Anwar ). Frank is passionate about women - he has an excellent ability to identify any scent worn by women. Charlie gradually becomes aware of the sentimental romantic buried deep within the lonely man’s heart. The developing relationship between him and the retired colonel is the core of the film. Despite his blindness, Frank teaches Charlie how to see. Charlie, too, teaches Frank how to understand people’s feelings.
On returning to school on Monday, Charlie is facing a ruined future. Fortunately, the powerful words spoken by Slades delivers the young student from the claws of defeat. Slades gives a 'vision' to the school committee - he teaches them to see more clearly.
In my very personal opinion, there are two major reasons for any outstanding film. The first reason is that the plot is well-written. Any kind of flash-back techniques might be used in the film to establish a rapport with the audience. Second, an outstanding flim requires great actors. The plot in Scent of a Woman is quite simple but Al Pacino's performance is anything but simple - it's a magnificent performance. Despite the profanities and vulgarities in the script, they become beautifully picturesque whenever Al Pacino speaks. The language, too, is so rich although it might be offensive if spoken by anyone else. It must always be Al Pacino who says those words. If it was someone else’s, those words would just be indecent not indecently beautiful. What Al Pacino has done is captured to the audience’s heart. The sound “HOOOOAAAAH” can still be heard after the film ends,echoing in the film. Many thoughtful dialogues between Slades and Charlie, too, might be repeated in the audience's heart ,especially when Slades says :
“Women? What could you say? Who made’em? God must –ve been a f***ing genius.”
The Colonel knows every women passing by very well. He cannot see but he uses his sense of smell to "watch". I wish one day, I could close my eyes and let my nose, my ear and my soul "watch" women like him.

Friday, September 15, 2006

การท่องเที่ยวทางเรือตามลำน้ำบางปะกง

ชมธรรมชาติและประวัติศาสตร์แห่งลุ่มน้ำบางปะกง ลำน้ำบางปะกงมีต้นกำเนิดจากทิวเขาสันกำแพงบนที่ราบสูงโคราช ไหลผ่านจังหวัดปราจีนบุรี (เรียกว่าแม่น้ำปราจีนบุรี) ผ่านอำเภอบางน้ำเปรี้ยว (เรียกว่าแม่น้ำแปดริ้ว) ผ่านอำเภอบางคล้า อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา และออกสู่อ่าวไทยที่อำเภอบางปะกง ระยะทาง 230 กิโลเมตร การท่องเที่ยวทางเรือในลำน้ำบางปะกง เริ่มจากตัวเมืองฉะเชิงเทราเพื่อชมธรรมชาติ สองฝั่งน้ำชมบ้านเรือน ซึ่งยังคงสภาพความเป็นอยู่อย่างไทย ผ่านสถานที่น่าสนใจ สัมผัสธรรมชาติและความเป็นมาแห่งสายน้ำ ชมทิวทัศน์และสถานที่สำคัญสองฝั่ง อาทิ อาคารไม้สักที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดฉะเชิงเทรา ตำหนักกรมขุนมรุพงษ์ศิริพัฒน์ แนวกำแพงเมืองโบราณ อาคารศาลากลางหลังเก่า กลุ่มเรือนแพสมัยเก่า วัดสำคัญทางประวัติศาสตร์เช่น วัดวาอารามต่างๆเช่น วัดเมือง วัดสัมปทวน วัดแหลมใต้ วัดสายชล วัดเซ็นต์ปอล ไปขึ้นฝั่งที่วัดโพธิ์บางคล้า เพื่อชมค้างคาวแม่ไก่ ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ผ่านย่านเศรษฐกิจเก่าแก่เรือนแพและตลาดน้ำในอดีตของเมืองแปดริ้ว และชมความยิ่งใหญ่ของเขื่อนทดน้ำบางปะกง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท บางปะกง ชาร์เตอร์ เซอร์วิส จำกัด โทร. 0 3851 4333, 0 9668 1726, 0 9666 4266 (คนละ 90 บาท ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) หรือ สามารถติดต่อเช่าเรือได้ที่ท่าน้ำวัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือที่ท่าน้ำหน้าตลาดในตัวเมือง มีทั้งเรือหางยาวจุคนได้ 8-10 คน เรือสำราญจุคนได้ 40 คน อัตราค่าเช่าเรือตามแต่จะตกลงกันตามจำนวนผู้โดยสารและระยะทาง